เทียบนโยบาย ชิงผู้นำสหรัฐ “ทรัมป์” มา ธุรกิจ-อุตฯไทย ต้องปรับตัวครั้งใหญ่

10 สิงหาคม 2567
เทียบนโยบาย ชิงผู้นำสหรัฐ “ทรัมป์” มา ธุรกิจ-อุตฯไทย ต้องปรับตัวครั้งใหญ่

การเลือกตั้งประธานาธิบดี 2024 น่าติดตามอย่างยิ่ง ทรัมป์กับแฮร์ริส ใครจะเข้าวิน คนสหรัฐฯ ตัดสินใจใน 2 ประเด็นสำคัญคือ 1.จะเลือกอะไร? ระหว่างอนุรักษ์นิยม (ทรัมป์) กับเสรีนิยม (แฮร์ริส) หรือ 2.จะเลือกผู้หญิงผิวสี ที่จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐฯ หรือไม่

การที่นางแฮร์ริสเป็นตัวแทนพรรคเดโมเครตลงแข่งขันแทนไบเดนนั้น ทำให้การเลือกตั้งกลับมา “เข้มข้น และสูสี” ขึ้นทันที และจะเป็นครั้งที่สองที่ทรัมป์จะแข่งกับคู่แข่งที่เป็นผู้หญิง (ครั้งแรกเมื่อเลือกตั้งปี 2016 แข่งกับนางคลินตัน)

ประเด็นที่ทรัมป์จะโจมตีแฮร์ริสคือ “ปัญหาคนอพยพเข้าสหรัฐฯ” ที่แฮร์ริสรับผิดชอบ ต้องถือว่า “ล้มเหลว” เพราะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ตัวเลขเข้าปีละ 3 ล้านคน สมัยทรัมป์เข้ามาปีละ 4 แสนคน ในปี 2003 แฮร์ริสเป็นอัยการที่ซานฟรานซิสโก สนับสนุนสิทธิของคนอพยพ ปี 2008 เป็นอัยการสูงสุดที่แคลิฟอร์เนียก็ช่วยคนอยพยที่ไม่มีเอกสารให้ได้วีซ่า

ปี 2016 เป็น สว.สนับสนุนความฝันของเด็กอพยพที่ไม่มีเอกสารให้ได้กรีนการ์ด สมัยเป็นรองประธานาธิบดี พรรครีพับลิกันตั้งฉายาให้ว่า เป็น “Border Czar” จนเมื่อวันที่ 25 พ.ค.2567 สภาคองเกรสสหรัฐฯ ผ่านมติ (220-196) ตำหนิแฮร์ริสเรื่องการจัดการผู้อพยพ

ประเด็นที่ทรัมป์จะโดนโจมตี คือ “Project 2025 Presidential Transition Project” จัดทำโดย Heritage Foundation ซึ่งเป็น Think Tank สายอนุรักษ์ มีความเกี่ยวข้องกับทรัมป์ (แม้จะปฎิเสธก็ตาม) คนจัดการและคนเขียนเป็นทีมงานของทรัมป์ มี 4 เรื่อง (Pillar) พูดถึงการบริหารประเทศใน 4 ปีข้างหน้า

โครงการนี้น่าจะเป็นคัมภีร์บริหารประเทศของพรรครีพับลิกัน เพราะเคยใช้ในสมัยโรนัลด์ เรแกน และทรัมป์สมัยแรกก็เคยมีหนังสือนี้ออกมาก่อน 2 ปี 64% ของนโยบายก็มาจากหนังสือเล่มนี้ เช่น ให้อำนาจประธานาธิบดีเพิ่ม และยกเลิกกระทรวงศึกษา เป็นต้น

ข้อมูลต่าง ๆ ในหนังสือเล่มนี้ มาจากคนที่มีหัวอนุรักษ์และทีมงานทรัมป์ หากเปรียบเทียบนโยบายเศรษฐกิจทั้งสองผู้สมัครพบว่าทรัมป์มีนโยบายเศรษฐกิจตาม “make America wealthy again” เช่น ลดราคาสินค้า (ผลิตน้ำมันในประเทศเพิ่ม ลดค่าใช้จ่ายภาครัฐไม่จำเป็น ลดระบียบกติกาที่เป็นอุปสรรค ควบคุมคนเข้าประเทศ) และปกป้องเศรษฐกิจภายในประเทศเป็นหลัก ซึ่งแตกต่างกับแฮร์ริส ที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เหมือนกับสมัยไบเดน

นโยบายการค้าของทรัมป์จะ “สุดโต่ง” คือปกป้องและกีดกันธุรกิจ โดยการเก็บภาษีนำเข้า ยกเลิกข้อตกลงทางการค้าที่สหรัฐฯ เสียเปรียบ ส่วนแฮร์ริสก็คล้าย ๆ กัน แต่ไม่รุนแรงเท่ากับทรัมป์

ส่วนการค้าและลงทุนกับประเทศจีน ทรัมป์จะจัดการกับสินค้าจีนและการลงทุนจีนทั้งในสหรัฐฯ และในจีนอย่างเข้มข้น หนักกว่าสมัยแรก และหนักกว่าสมัยไบเดน จะกระทบการส่งออกและห่วงโซ่อุตสาหกรรมไทยที่ไปเกี่ยวข้องกับประเทศจีน แต่อาจจะเป็นโอกาสของสินค้าไทย ที่มีโอกาสในตลาดสหรัฐฯ ได้เพิ่มขึ้นจากการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนในสหรัฐฯ


แหล่งที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.